ความรู้เบื้องต้นก่อนจัดงานดอกไม้
Knowledge Of Flower Arrangements
บทความนี้ น่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านที่กำลังเริ่มต้นจะจัดงานต่างๆ สักงานหนึ่ง เขียนโดยข้าพเจ้าเอง (Lex) เคยเขียนบทความแบบนี้ เมื่อนานมาแล้วในเว็บไซต์เก่าของข้าพเจ้า theflowerbylek.com และแอบเห็นมีหลายเว็บเอาบทความไป rewrites ใหม่ ก็เห็นเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ถือว่าให้ความรู้แก่ผู้คน โดยจะเน้นเป็นภาษาที่ร้านดอกไม้ หรือช่างดอกไม้ใช้กันนะคะ เชื่อว่าถ้าผู้อ่านไปสื่อสารกับร้าน กับช่างดอกไม้ เขาเข้าใจแน่นอน
เรามาเริ่มกันเลยค่ะ..
จัดดอกไม้สดหรือดอกไม้ปลอมดี ?
ถ้าถามความเห็น ก็จะแนะนำว่า อยู่ที่ท่านชอบเลยค่ะ ไม่มีผิดถูกแต่อย่าง ลักษณะการจัดดอกไม้สดและดอกไม้ปลอม มีวิธีการเดียวกันค่ะ จะต่างกันที่
1. ดอกไม้-ใบไม้ปลอม ทำมาจากผ้า พลาสติก ยาง จะอยู่กับคุณไปตลอดกาลนาน ถ้านานหลายๆปีอาจจะมีสีซีดบ้างค่ะ ดอกไม้ปลอมจะมีหลายเกรดนะคะ ราคาก็แตกต่างกันเลยค่ะ ถ้าจะใช้แบบที่เหมือนจริงมากๆราคาก็จะแพงขึ้น แล้วแต่งบประมาณท่านเลยค่ะ ที่สำคัญคือ ดอกไม้ปลอมไม่ต้องกินน้ำ และมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ถ้างานของท่านใช้เวลาแสดงงานอยู่หลายวัน และท่าน มีงบจำกัด แนะนำให้จัดดอกไม้ปลอมค่ะ
2. ดอกไม้สด จะมีของที่ปลูกในประเทศไทย ปัจจุบันมีหลายอย่างนะคะ แต่กล้วยไม้จะเยอะหน่อย ราคาถูก-แพงแล้วแต่เดือน บางเดือนดอกไม้ไม่ออกดอก ราคาก็จะแพงเพราะมีของน้อย ดอกไม้อื่นๆส่วนใหญ่จะนำเข้าค่ะ จากจีน ฮอลแลนด์ ออสเตรเลีย ฯลฯ เป็นต้น ราคาของนำเข้าก็จะแพงกว่าค่ะ
ดอกไม้สดต้องกินน้ำอยู่ตลอดเวลา และจะอยู่ได้เต็มที่ ประมาณ3-4 วันค่ะ และจะค่อยๆทยอยเหี่ยวไปทีละกลีบ ทีละช่อ
ดอกไฮเดรนเยีย จริง
ดอกไฮเดรนเยีย ปลอม
พื้นฐานการจัดดอกไม้
เรื่องของการจัดดอกไม้ ในเบื้องต้นขออธิบายให้เข้าใจก่อนนะคะว่า ก่อนที่จะจัดงานดอกไม้ ดอกไม้-ใบไม้สด ทุกชนิดจำเป็นต้องได้ กินน้ำ อยู่ตลอดเวลา จึงต้องมีอุปกรณ์หรือภาชนะ ที่ใส่น้ำแล้วไม่รั่ว ในที่นี้คือ แจกัน กระถาง กระป๋อง ชาม ขวด ฯลฯ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ เวลาจัดเราก็จะเทน้ำใส่ภาชนะประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วตัดก้านดอกไม้ลงไปแช่ ให้ก้านดอกไม้กินน้ำ แบบนี้ทางช่างดอกไม้บางท่าน จะเรียกว่าการจัดแบบ “ปักน้ำ”
ดอกไม้ปักน้ำ
แต่ก็มีอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่ใช้จัดดอกไม้ คือ โอเอซิส (Floral Foam) เป็นโฟมสีเขียวที่ดูดน้ำแล้วเก็บกักน้ำไว้ในตัว เราตัดก้านดอกไม้แล้วปักไปในโฟมนั้น ดอกไม้ก็จะมีชีวิตอยู่ได้เพราะอาศัยดูดน้ำจากโฟม ช่างดอกไม้จะตัดโฟม และนำไปใส่ในภาชนะ หรือ ห่อโฟมด้วยพลาสติกแรป กันน้ำระเหยออก และใช้โฟมนี้ปักดอกไม้ให้ดอกไม้อยู่ในรูปทรงที่ต้องการ การจัดแบบนี้ สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่มีข้อจำกัด เราสามารถเอาโฟมที่แช่น้ำแล้วห่อพลาสติกแรป ไปมัดติดกับที่ใดๆก็ได้ที่เราจะจัดดอกไม้ ช่างดอกไม้-ร้านดอกไม้จะเรียกโฟมนี้ว่า “โอเอซิส” ถ้าเป็นดอกไม้ปลอม-ประดิษฐ์ ก็จะมีโอเอซิสอีกประเภทเรียกว่า “โอเอซิสแห้ง” (ไม่ต้องแช่น้ำนะคะ)ใช้ปักดอกไม้ปลอมค่ะ
กรณี ถ้าท่านจัดด้วยดอกไม้ปลอม-ดอกไม้ประดิษฐ์ ก้านของดอกไม้ประดิษฐ์จะทำมาจากลวดแข็งๆ เป็นแกน แล้วเคลือบด้วยพลาสติก, ยาง ถ้าท่านเลือกดอกไม้ที่เป็นก้านยาวๆ เช่น ดอกเดลพีเนี่ยม, กุหลาบพวง ดอกจำพวกนี้จะมีน้ำหนักมาก ถ้าเอาไปใส่แจกันแก้ว ทรงสูง แจกันแก้วจะมีน้ำหนักเบากว่าดอกไม้ แจกันอาจจะล้มได้ ท่านต้องถ่วงน้ำหนักแจกัน โดยใช้หินสวยหรือทราย สวยๆ ใส่ไว้ที่ก้นแจกันค่ะ เพียงเท่านี้ แจกันของท่านก็จะไม่ล้มค่ะ
*สิ่งที่ควรรู้ โอเอซิส ขนาด 23x 11 x 7 cm. 1 ก้อนเมื่อดูดน้ำแล้วแล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2 กก.
** ชื่อ โอเอซิส คือชื่อบริษัทโอเอซิส ที่ผลิต Floral Foam ปักดอกไม้ แต่คนไทยเรียก Floral Foam (ฟรอรัลโฟม) นี้ จนติดปากว่า “โอเอซิส” จนถึงทุกวันนี้
โอเอซิส credit pinterest
โอเอซิส ปักดอกไม้สด
โอเอซิส ปักดอกไม้ปลอม
เริ่มต้นจัดดอกไม้
1. การออกแบบ Floral Design
ก่อนการจัดงานดอกไม้แต่ละครั้งต้องมีการออกแบบเพื่อนำเสนอแก่ลูกค้า โดยการออกแบบจะเป็นหน้าที่ของ ดีไซน์เนอร์ , ออแกไนซ์ , ร้านดอกไม้ และปัจจุบัน ช่างดอกไม้ บางท่านก็จะมีทักษะทางด้านนี้ สามารถออกแบบงานดอกไม้ให้ท่านได้ อาจจะเป็นรูปสเกตช์ระบายสี หรือออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิค คนออกแบบงานที่ดี ต้องมีความรู้พื้นฐาน เรื่อง ทฤษฎีสี องค์ประกอบศิลป์ โครงสร้าง อุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง อยู่บ้าง เพราะมันจำเป็นเวลาแบบผ่านแล้วและต้องสร้างแแบบออกมาเป็นงานจริง
ท่านที่จะจัดงานอาจต้องทำการบ้านบ้าง โดยการหาตัวอย่างแบบงานที่อยากได้ Referent ,โทนสี Mood & Tone มาประกอบให้ดีไซน์เนอร์ ให้ช่างดอกไม้ ได้รับรู้ถึงความต้องการของท่าน ลองหาดูได้ใน Pinterest มีเยอะมากค่ะ
กรณีถ้าท่านออกแบบมาแล้ว และต้องการให้ร้าน-ช่างดอกไม้ตีราคา ท่านควรจะระบุสิ่งที่ท่านต้องการและจำนวนมาด้วย ตัวอย่างเช่น
งานวันที่ 5/5/2055 สถานที่ โรงแรม โทนสี เขียว-ขาว
-ใช้แจกันดอกไม้ 5 แจกัน
-ดอกไม้ เคาน์เตอร์ 4 จุด
-ดอกไม้โพเดี่ยม 1
-ช่อดอกไม้ 1
ท่านควรเขียนมาแบบนี้ เพราะบางทีท่านส่งมาแค่แบบกราฟฟิกมา แล้วบอกให้ร้านเสนอราคา แบบกราฟิค มันคือจินตนาค่ะ ยังไม่ใช่ความจริง 100% ถ้าท่านไม่ระบุอะไรมาเลย ร้านเขาไม่รู้หรอกค่ะว่าท่านต้องการอะไร แต่ถ้าอ่านบทความนี้จบ เราเชื่อว่าท่านจะมีความรู้มากขึ้น.
หรือถ้าท่านไม่รู้จะเอาอะไรไปตั้งตรงไหนดี ท่านบอก ร้าน-ช่างดอกไม้ ให้ช่วยแนะนำได้ และท่านก็แจ้งงบไปเลย ว่ามีเงินเท่านี้ ใส่อะไรได้บ้าง
**มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรทำคือ เอาแบบที่คนหนึ่งออกแบบ แล้วเอาแบบชิ้นนั้น ไปให้อีกคนหนึ่งจัด ถ้าไม่ได้จ่ายค่าแบบ อย่าทำแบบนั้นค่ะ มันดูหน้าละอาย**
ตัวอย่างการออกแบบ
2. โครงสร้าง Floral Structure
นอกจากภาชนะที่ไว้ใช้จัดดอกไม้แล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่สุด ที่ต้องใช้เวลาจัดงานดอกไม้ คือ โครงสร้างต่างๆ โดยมากจะทำจากเหล็ก ดัดเป็นรูปทรงต่าง เช่นโครงเหล็กโค้ง โครงเหล็กเหลี่ยม ฯลฯ หรือที่ทำจากไม้จะเป็นพวก Backdrop ขึ้นอยู่กับการออกแบบ-คอนเซ็ปต์และความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าดีไซน์เนอร์ ที่สำคัญที่สุดคือ โครงสร้างต้องมีความแข็งแรง เพื่อรับน้ำหนักของโอเอซิสและดอกไม้ เมื่อโครงสร้างต้องมีความแข็งแรง สิ่งที่ตามมาก็คือ งบประมาณค่ะ เพราะการจัดงานดอกไม้นอกเหนือจากค่าดอกไม้แล้ว ก็ค่าโครงสร้าง นี่แหละค่ะที่ต้องเผื่อไว้
3. ทีมงาน Team Player
การจัดดอกไม้ในแต่ละงานเราจะใช้เวลาอย่างน้อยๆ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของงาน เราจะทำงานล่วงหน้าก่อนวันงานจริง โดยมากถ้าเป็นไปได้ จะทำงานกันตอนกลางคืน เพื่อให้เสร็จทันในเช้าวันงานจริง ขาดไม่ได้เลยคือทีมงาน เราจะแบ่งทีมงานเป็น 2 ส่วน
3.1 ทีมเซ็ท Set Up
คือคนงานที่จะจัดเตรียมอุปกรณ์การจัดดอกไม้ เตรียมโอเอซิสที่ใช้จัดดอกไม้ เตรียมงานโครงสร้าง เตรียมดอกไม้ เก็บขยะ ขับรถขนของ ฯลฯ
*ถ้าเป็นงานใหญ่ที่โครงสร้างมากๆ ทางเจ้าภาพหรือออแกไนซ์ อาจจะไปจ้างทีมก่อสร้างมาเองต่างหาก
3.2 ช่างดอกไม้ Florist
ในแต่ละงานจะใช้ช่างจัดดอกไม้จำนวนไม่เท่ากัน ถ้าเป็นงานใหญ่มากๆ อาจใช้ช่างถึง 50-100 คน แล้วแต่ขนาดของงานนะคะ บางงานก็ใช้ช่าง 1-2 คนเท่านั้นเอง โดยส่วนใหญ่ในแต่ละจังหวัด หรือ กทม. ช่างดอกไม้เราจะรู้จักกันหมด เวลามีงานก็จะเรียกใช้กัน มีอาชีพเป็นช่างดอกไม้ฟรีแลนซ์รับงานได้ทั่วไป ขึ้นอยู่กับฝีมือประสบการณ์การทำงานของแต่ละคนค่ะ
4. งบประมาณ Budget
งบประมาณ คือสิ่งที่ต้องกำหนดเป็นอันดับแรก ดังที่กล่าวมาข้างต้น เราแบ่งค่าใช้จ่ายหลักๆได้ดังนี้
1.ค่าดอกไม้
2.ค่าโครงสร้าง
3.ค่าแรงทีมงาน
4.ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
(เช่น ค่าอาหารทีมงาน ค่ารถขนของ บางงาน กรณีเข้าทำงานในห้างสรรพสินค้าก็จะเจอค่าประกันภัยบุคคลที่3) เป็นต้น.
ขอแนะนำว่า ลูกค้าทั้งหลายควรตั้ง งบประมาณ เอาไว้เลยในการจัดงานดอกไม้แต่ละครั้ง ว่าจะจ่ายค่าดอกไม้เท่าไร? ท่านไม่ควรกั๊กเอาไว้ ท่านสามารถแจ้งกับร้านดอกไม้ แจ้งช่างดอกไม้ หรือแจ้งคนออกแบบงานไปได้เลยค่ะ ว่ามีเงินเท่านี้ๆบาท อย่าปล่อยให้เขาเหล่านั้น จินตนาการไปเอง มันไม่เป็นผลดีกับใคร เพราะถ้าปล่อยให้เขาเหล่านั้น คิด-ออกแบบไป ส่วนใหญ่เมื่อตีราคาออกมามันจะ“เกินงบ”ค่ะ มันจะเสียเวลาการทำงาน ต้องมาออกแบบใหม่ไปอีก แน่นอนว่า ทุกคนอยากทำงานสวยๆ อยากให้งานดอกไม้ออกมาดี เป็นที่น่าภาคภูมิใจ แต่งานจะดีไม่ได้เลยถ้าไม่มี เงินซื้อของ
ดังนั้น ลูกค้าทุกท่านควรแจ้ง งบประมาณให้ทราบก่อนการทำงาน ก่อนการออกแบบจะดีกว่า แล้วท่านค่อยมาดูจากแบบอีกครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่ เขาออกแบบมา มันเหมาะสมกับงบประมาณที่ท่านให้ไปหรือเปล่า? สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นคือ ดูจากผลงานที่ผ่านมาค่ะ ว่าฝีมือของร้านนี้ ช่างคนนี้เป็นอย่างไร และท่านก็จะตัดสินใจได้ว่า ควรไปต่อ หรือพอแค่นี้.
* อยากจะเรียนเน้นย้ำให้ทราบว่า การจัดงานดอกไม้ ไม่ได้มีแค่ค่าดอกไม้นะคะ จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆดังที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วยค่ะ ขอได้โปรดเข้าใจ *
5. ออแกไนซ์ Organizer
ในเมืองไทยมี บริษัทที่รับจัดงานอยู่มากมายนะคะ บ้างก็เรียกว่า Planer , Organizer ขอเรียกว่า “ออแกไนซ์ “นะคะในหมู่ร้านดอกไม้ ช่างดอกไม้จะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นคนกลางที่ประสานงานระหว่างเจ้าภาพและร้านดอกไม้ ออแกไนซ์ ยังทำหน้าที่อื่นๆอีกมาก ทั้งประสานงานกับโรงแรม สถานที่จัดงาน ติดต่อช่างฝ่ายต่างๆ ติดต่อร้านอาหาร นักดนตรี ออกแบบการจัดงาน และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงคุยงานกับร้านดอกไม้ ถ้าลูกค้ามีงบประมาณมากพอ แนะนำให้จ้าง ออแกไนซ์ มาทำงานให้ค่ะ เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ท่านจะไม่ปวดหัวกับการติดต่อพูดคุยคนหลายๆคน และเลือกที่จะคุยผ่านออแกไนซ์ เป็นคนเดียวก็เป็นการดี เอาเวลาไปโฟกัสในวันงานดีกว่า โดยราคาค่าบริการก็แตกต่างกันไป ออแกไนซ์ดีๆก็มีอยู่มาก แล้วแต่ท่านเลือกใช้ค่ะ.
6. ประเภทของดอกไม้ที่ใช้ในงานต่างๆ
มาถึงหัวข้อที่สำคัญที่สุดในบทความนี้ ท่านควรจำหัวข้อเหล่านี้ให้ดี จะทำให้ท่านสื่อสารกับ ร้านดอกไม้ หรือ ช่างดอกไม้ หรือเซลขายงานในโรงแรม โดยที่เขาเหล่านั้นจะไม่งง และเข้าใจได้ตรงกัน เพราะลูกค้าบางท่านอาจใช้คำผิด โดยที่ไม่รู้ ทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน แต่เราไม่ว่ากันค่ะ บทความนี้จะมาแนะนำการจัดดอกไม้ เลือกใช้ประเภทของดอกไม้ในงานต่างๆค่ะ
1. ช่อติดหน้าอก Boutonniere หรือ Corsage
ช่อติดหน้าอก บูโทเนียร์ Boutonniere หรือ คอร์สาจ Corsage เป็นช่อดอกไม้เล็กๆ สำหรับติดหรือเสียบในรังดุมสูท ของฝ่ายชาย หรือติดหน้าอกเสื้อของฝ่ายหญิง หรือติดที่ข้อมือของเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงาน โดยจะใช้ดอกไม้ขนาดเล็กๆหนึ่งดอก แซมดอกไม้ฝอยและใบไม้ มัดรวมกัน ให้เป็นก้านเดียวโดยต้องพยายามให้ก้านมีขนาดไม่ใหญ่มากแล้วปิดก้านด้วย ฟอร่าเทป(เทปสีเขียวไว้พันก้านดอกไม้) หรือริบบิ้น
ในหลายๆงาน จะใช้ช่อติดหน้าอกนี้ เช่นงานแต่งงาน จะติดหน้าอกเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าบ่าว ญาติผู้ใหญ่ของทั้ง2ฝ่าย และ ประธานในพิธี งานประชุมสัมนาเป็นต้น
*มีเคล็ดเล็กน้อยสำหรับการติดช่อติดหน้าอก เราจะใช้เข็มหมุด2อัน เกี่ยวเสื้อและให้ปลายเข็มเสียบเข้าไปในก้านดอกค่ะ ช่อดอกไม้ จะไม่แกว่งไป-มาค่ะ*
ดอกไม้ติดหน้าอก แบบต่างๆ
2. พวงมาลัย Garland
พวงมาลัย ดอกไม้ภูมิปัญญาของคนไทยแท้แต่โบราณ ในงานแต่งงานจะใช้พวงมาลัยอยู่มาก เช่น ใช้คล้องคอบ่าวสาว ,ไหว้ผู้ใหญ่ หรือถวายพระ แต่พวงมาลัยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ ตกแต่งสถานที่ได้ เช่นประดับในแจกัน ในภาพตัวอย่าง ใช้ประดับปากกระถางปูน ทำเป็นเครื่องแขวน วางตามจุดต่างภายในห้องก็ได้ค่ะ
พวงมาลัยที่ใช้ในงานหลักๆ จะมี2 อย่าง
1.พวงมาลัยบ่าวสาว ใช้คล้องคอบ่าสาว
2.พวงมาลัยข้อมือ ใช้มอบให้ผู้ใหญ่ ใช้ไหว้พระ
*ข้อเสียเดียวของพวงมาลัยคือ เหมาะกับการใช้งานในเวลาไม่นานมาก ถ้าเกิน12 ชั่วโมงกลีบพวงมาลัยก็จะเริ่มมีสีคล้ำ*
มาลัยประดับกระถาง
พวงมาลัยบ่าว-สาว
3. ช่อดอกไม้ Bouquet
ช่อดอกไม้ เป็นดอกไม้ที่จัดรวมกันกันเป็นช่อ ผูกริบบิ้น หรือรองด้วยกระดาษสา หรือพลาสติก ข้อดีคือ สามารถเดินถือไปไหนมาไหนได้ง่าย มีขนาดแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ให้ จะมอบให้กับผู้คนต่างๆใช้ได้ในหลายโอกาสเช่น
-งานแต่งงาน มอบให้เจ้าสาว รับตัวเจ้าสาว และใช้เดินถือเพื่อเข้าในงานฉลองเดินขึ้นเวที และใช้โยน ตอนท้ายพิธี
ช่อที่ใช้ในงานแต่งงานโดยมาก จะเป็นช่อเปลือยก้าน ไม่มีกระดาษห่อ จะดูสวยงามกว่าค่ะ
-งานประชุมสัมนา ก็มอบช่อดอกไม้ ให้กับวิทยากร หรือแขกรับเชิญ หรือผู้บริหาร บนเวทีภายหลังจบงาน
-งานแสดงความยินดี ต่างๆ ที่เป็นงานกลางแจ้ง เช่นงานรับปริญญา
ข้อควรรู้
-ช่อเจ้าสาวควรจะเป็นช่อเปลือยก้านไม่มีกระดาษห่อ ก็จะดูดีดีกว่านะคะเวลาถ่ายรูป
-ช่อแสดงความยินดี ต่างๆ จะมีกระดาษห่อ เพราะทางช่างจัดจะมีการใช้สำลีชุบน้ำ และใส่ถุงพลาสติกห่อไว้ที่ปลายก้าน เพื่อให้ดอกไม้ได้กินน้ำจากสำลีนั้น จึงต้องมีการใช้กระดาษมาห่อทับอีกชั้นหนึ่ง
ช่อเปลือยก้าน
ช่อห่อกระดาษ credit pinterest
4. ภาชนะ Container
หัวข้อนี้จะรวมๆทุกภาชนะ นะคะ แจกัน กระถาง หรือภาชนะอะไรก็ได้ ที่ใส่น้ำแล้วมันไม่รั่ว สามารถนำมาจัดดอกไม้ได้ เช่นแก้วน้ำ ถาด พาน กระป๋อง ขวด โดยปัจจุบันมีมากมายหลาย รูปทรง,ขนาด,สี และหลากหลายวัสดุ เช่นแก้ว เซรามิค โลหะ หวาย หรือไม้ ทุกๆภาชนะใช้จัดดอกไม้ได้หมด หรือจะเป็น โอเอซิส (floral foam) ห่อพลาสติกกันน้ำก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบงาน อยากให้งานออกมาเป็นอารมณ์ไหนค่ะ และแทบทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง งานอีเว้นท์ งานประชุม งานแสดงสินค้า ฯลฯ จะต้องมีอย่างน้อย 1 แจกันดอกไม้ จะดอกไม้จริงหรือดอกไม้ปลอมไม่ว่ากัน มาวางประดับ
แจกัน ขวดแก้วต่างๆ
กล่องไม้
ตัวอย่างที่ๆ ควรวางแจกันดอกไม้
4.1 โต๊ะลงทะเบียน register
เป็นโต๊ะที่ให้แขกเซ็นชื่อก่อนเข้างาน วางไว้มุมใดมุมหนึ่งหรือวางตรงกลาง อาจจะจัดดอกไม้เป็นทรงเตี้ยๆหน่อย ไม่สูงมากเพราะต้องมีผู้คนทำกิจกรรมตรงนี้เยอะมาก ถ้าจัดดอกไม้สูงไป และอาจเผลอมือปัดไปโดน แจกันอาจจะล้มได้ค่ะ
โต๊ะลงทะเบียน credit pinterest
4.2 โต๊ะวางอาหาร
จัดงานเป็นแบบค๊อกเทล Cocktail หรือบุฟเฟ่ต์ หรือ Coffee Break จะมีการจัดโต๊ะวางอาหารเป็นชุด ประมาณ2- 4จุดโดยประมาณ ตรงกลางโต๊ะนี้จะทำเป็นแท่นสูงไว้เพื่อวางกระถางดอกไม้หรือแจกัน เป็นการเพิ่มบรรยากาศที่สวยงามอีกทางหนึ่ง
ดอกไม้วางบนโต๊ะ Cocktail
4.3 โต๊ะทานอาหาร
การจัดโต๊ะทานอาหาร เป็นโต๊ะกลม โต๊ะยาว หรือโต๊ะสี่เหลี่ยม นั่งทานกันกันได้ 8-10 ท่านเป็นต้น การจัดโต๊ะนี่ก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบงาน อยากให้งานอยู่ในรูปแบบใด จะวางแจกันดอกไม้ตรงกลางโต๊ะ จะจัดเป็นทรงพุ่มเตี้ย ทรงสูง หรือจะใช้ขวดแช่ดอกไม้1ก้าน แล้ววางเป็นกลุ่มก็ได้ ไม่มีผิดถูกแต่อย่างใด ตามสบายเลยค่ะ บางงานอาจมี ของตกแต่งอื่นมาวางด้วย เช่น เทียนหอม ตะเกียง เชิงเทียน หรือกรณีเป็นแบรนด์สินค้า อาจนำสินค้าตัวอย่างมาวางประกอบด้วย ก็ได้ค่ะ
งานเลี้ยงที่ใช้
-งานแต่งงาน งานหมั้น รดน้ำ
-งานเวิร์คช๊อป งานเปิดตัวสินค้า งานแซยิด งานครบรอบ งานประชุม ฯลฯ
ดอกไม้บนโต๊ะอาหาร
4.4 โต๊ะรับแขกผู้ใหญ่
กรณีมีแขกผู้ใหญ่มาร่วมงานด้วย เราอาจต้องจัดแยกให้ท่านนั่งต่างหาก เป็นชุดโซฟา 2-3ตัวและมีโต๊ะกลางหรือโต๊ะข้าง เราก็อาจวางแจกันดอกไม้เล็กๆไว้สัก 1แจกัน
4.5 โต๊ะหมู่บูชา
ถ้าจัดงานที่มีพิธีสงฆ์ จะต้องมีมุมหนึ่งที่เราต้องตั้ง โต๊ะหมู่บูชา วางพระพุทธรูป อาจใช้แจกันเล็กๆ หรือพานพุ่มดอกไม้ วาง 2-4 แจกัน
ดอกไม้ประดับโต๊ะหมู่บูชาพระ
4.6 เคาน์เตอร์ Counter & Lobby
ในที่นี้จะรวมทุกๆเคาน์เตอร์เลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ Lobby ในโรงแรม อาคารต่างๆ บาร์ในร้านอาหาร ร้านเหล้า เราสามารถวางแจกันดอกไม้ ตกแต่งได้ เพิ่มความรู้สึกที่ดีให้แก่ลูกค้าได้ เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ในงาน เชื่อว่าลูกค้าจะรู้ได้ทันทีว่าร้านหรืองานของคุณมีรสนิยมที่ดี
ดอกไม้ประดับ ล๊อบบี้โรงแรม
4.7 โพเดี่ยม
โพเดี่ยม จะใช้โอเอซิส เป็นก้อนห่อพลาสติก มาวางแล้วจัดดอกไม้ ให้เข้ากับโพเดี่ยม
โพเดี่ยม
5. สแตนดอกไม้ Pedestal Arrangement / Flower Stand
Pedestal Arrangement หรือ Flower Stand หรือถ้าเป็นภาษาที่ร้านดอกไม้ใช้กันคือ ” สแตนดอกไม้ “ ลูกค้าบางท่านอาจเรียก ขาตั้งดอกไม้ เสาดอกไม้ ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้ดี และเป็นเข้าใจกัน เรียก “สแตนดอกไม้ “ ก็ดีค่ะ ร้านดอกไม้ ช่างดอกไม้ เขาเข้าใจ
ดังที่เคยกล่าวมาแล้ว ดอกไม้ไม่สามารถ อยู่ได้ด้วยตัวเองได้ ในการจัดดอกไม้จึงต้องมีภาชนะ Container มารองรับ สแตนดอกไม้ ก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่เวลาจัดงานจะต้องใช้กัน สามารถ เคลื่อนย้ายได้สะดวก มีหลายรูปแบบ
วัสดุที่ใช้ทำ
– ทำจากเหล็ก เป็นทรงสี่เหลี่ยม หรือ กลม ความสูงมีตั้งแต่ 50 ซม. – 2 เมตร แต่ที่ใช้โดยทั่วไปความสูง จะอยู่ที่ 1-1.5 เมตร เป็นขนาดกำลังดี เวลาวางเรียงกัน ก็จะอยู่ในระดับสายตา ถ่ายรูปออกมาสวย ใช้ในงานได้ทุกงาน และงานเปิดร้าน ตัดริบบิ้นก็จะใช้ สแตนประเภทนี้ หรือบางงานจะใช้มาวางบนโต๊ะดินเนอร์ ก็จะดูหรูหราดีค่ะ
– ทำมาจากไม้ หรือจากอะคลีลิค ต่อกันเป็นเสาสี่เหลี่ยม แล้วทำสี เวลาใช้ก็จะจัดดอกไม้ในแจกันหรือกระถางมาวางบน สแตนประเภทนี้ งานก็จะดูแพงขึ้น หรูหราขึ้น
– ทำจากปูนซีเมนต์หรือเรซิ่น โดยเลียนแบบมาจากเสาโรมันของกรีก มีหลายแบบ โดริก ไอโอนิก คอรินเทียน เสาปูนจะแข็งแรงและหนักมากรับน้ำหนักได้ดี เหมาะกับงานกลางแจ้ง หรือ งานภายใน ส่วนเสาเรซิ่นจะไม่แข็งแรง ราคาแพง จะเหมาะกับงานที่มีน้ำหนักเบา เช่นงานดอกไม้ปลอม ดอกไม้ประดิษฐ์
วางที่ไหน
เราสามารถ วางสแตนดอกไม้ ได้ทุกที่ค่ะ เช่น
– งานแต่งงาน งานมงคล จะใช้วาง บนเวที, ทางเดินเข้างาน แกลอรี่ ,ทางเดิน-บนเวทีโต๊ะเค้ก, วางหน้าฉากถ่ายรูป BackDrop เป็นต้น
– งานประชุมสัมนา วางบนที หน้าประตูทางเข้างาน มีบ้างที่วางไว้รอบห้อง
– งานเปิดร้านใหม่ จะมี2 สแตนดอกไม้ตัดริบบิ้น วางภายในร้านมุมต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศก็ได้
– งานอีเว้นท์ ต่างๆก็ใช้ สแตนวางประดับได้ ที่มุมต่างๆของบูธ วางบนเวที หน้าทางเข้างาน เป็นต้น
กระถางปูนวางที่ฉากถ่ายภาพงานแต่งงาน
สแตนทำจากเหล็ก
สแตนทำจากอะคลีลิค credit pinterest
6. ซุ้มดอกไม้ Flower Arch
ซุ้มดอกไม้ หรือ ฉากถ่ายรูป หรือ Backdrop มีหลายคำที่ใช้เรียกกัน คือดอกไม้ที่ตั้งอยู่ที่ว่างๆหน้าประตู ก่อนเข้าไปห้องจัดเลี้ยง เป็นที่ๆแขกทุกท่านจะมาถ่ายรูปร่วมกับเจ้าภาพ หรือให้นักข่าวมาถ่ายภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์
ดังที่กล่าวไปตั้งแต่แรก ดอกไม้จะไม่สามารถ อยู่ได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องมี ภาชนะ หรือ โครงสร้าง เพื่อให้ดอกไม้ได้ ยึด/ เกาะ/ ติด /แขวน ได้ โดยโครงสร้างเหล่านั้น ช่างดอกไม้ หรือ ร้านดอกไม้ ก็จะเรียกันคือ ซุ้มดอกไม้ หรือ แบคดรอป (Back Drop)
การจัดดอกไม้ประเภท ซุ้ม ทุกร้านดอกไม้ หรือช่างดอกไม้ทุกคน เราจะจัดดอกไม้บน โครงสร้างกันค่ะ
เราจะ “ไม่” จัดดอกไม้ไป ติดกับกำแพง หรือผนัง ของโรงแรม , ห้องประชุม หรือสถานที่ใดๆก็แล้วแต่ค่ะ เพราะต้องมีการ ผูก มัด ตอก จะทำให้ผนังนั้นๆเสียหายได้ บางงานจึงต้องมีค่าโครงสร้างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าโครงสร้างนั้นๆ ทางร้านมีอยู่แล้วเขาก็ไม่คิดค่าโครงสร้างหรอกค่ะ อาจจะมีบวกค่ารถขนส่ง ก็เป็นไปตามปกติของงานบริการ
ประเภทของซุ้มดอกไม้
6.1 ซุ้มโค้ง
คือโครงสร้างทรงโค้ง ขนาดมาตรฐานประมาณ 2×2.2 เมตร (กว้าง-สูง) โดยทำจากเหล็กดัด ให้เป็นทรงโค้ง ต้องมีฐานเป็นเป็นเหล็กแผ่น 2 ทั้งข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ล้ม ช่างดอกไม้ก็จะจัดดอกไม้ติดไปกับโครงสร้างโค้งนี้ ตามแต่ดีไซน์ของงาน จุดที่วางในงานโดยทั่วไปจะที่ผนังหรือที่ว่างด้านใดด้านหนึ่งของประตู ทางเข้าห้อง เพื่อให้แขกสามารถถ่ายรูปได้ หรือบางงานจะใช้เป็นประตู หรือวางติดกับประตู เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานเดินลอดซุ้มนี้ เรียกว่า “ซุ้มลอด” หรือใช้เป็นฉากหลังทำพิธี เช่น งานหมั้นหรืองานรดน้ำ งานสวมแหวนในพิธีแต่งงานแบบคริสต์ ก็ได้เช่นกัน
ในงานอีเว้นท์ Event บางงานก็อาจใช้ลูกโป่งมาแทนดอกไม้ .
*ขนาดไม่ตายตัว ปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับงานและการออกแบบ*
Credit pinterest ซุ้มโค้ง
6.2 ซุ้มเหลี่ยม
ร้านดอกไม้ หรือช่างดอกไม้ จะเรียกโครงสร้างซุ้มแบบนี้ว่า “ซุ้มเหลี่ยม” ลักษณะเป็นเสา2ข้าง และมีคานพาดด้านบน ความสูงอย่างน้อย 2.20-2.40 เมตร กว้าง 3.6 เมตร เป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้จัดดอกไม้และเป็นโครงสร้างสำเร็จรูป ที่แทบทุกร้านดอกไม้จะมีใช้กัน ความแข็งก็จะขึ้นอยู่กับการออกแบบ ถ้าใช้ดอกไม้ในการจัดเยอะ โครงสร้างก็จะแข็งแรงตามไปด้วย.
*ขนาดไม่ตายตัว ปรับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับงานและการออกแบบ*
ซุ้มเหลี่ยม Credit
7. ฉากถ่ายรูป Flower Back Drop
ช่างดอกไม้ หรือร้านดอกไม้ ก็จะเรียกว่า “แบคดรอป” Backdrop เรียกทับศัพท์ตามภาษาอังกฤษ เป็นโครงสร้างที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ตามแต่การใช้งาน โดยทำมาจากไม้เป็นหลัก ขึ้นโครงด้วยไม้แบบหรือเหล็กกล่องแต่ปิดทับหน้าด้วยไม้กระดานอัด หรือบางช่างใช้ฟิวเจอร์บอร์ดมาปิดหน้า แต่ส่วนตัว ปิดหน้าด้วยไม้กระดานอัดดีที่สุดค่ะ จากนั้นก็ขัดผิว โป๊วผิวและขัดเรียบอีกครั้ง แล้วก็ทาสี หรือบางช่างก็ ปิดด้วยไวนิล อิงค์เจ็ท ในบางงาน ดอกไม้ก็จะจัดตามแบบที่กำหนดมา
ในปัจจุบัน งานบางงานทำโครงสร้าง Backdrop ได้ วิจิตรอลังการมาก บางงานก็ทำเรียบๆมีดอกไม้นิดหน่อย ตามสไตล์ มินิมอล บางงานก็จะจัดดอกไม้เต็มทั้ง ฺBackdrop ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบ-งบประมาณและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ
งานที่ใช้ Backdrop
1. งานแต่งงาน งานหมั้น-รดน้ำ ใช้ตั้งที่หน้าประตูก่อนเข้าห้องให้แขกที่มาร่วมงานถ่ายรูป ใช้วางบนเวทีในงานหมั้น-รดน้ำ และอาจใช้ต่อในงานเลี้ยงตอนเย็นก็ได้
2. งานประชุมสัมนา งานอีเว้นท์ Event ฯลฯ ใช้ตั้งอยู่หน้าทางเข้าหรือบนเวทีเช่นกัน ส่วนใหญ่จะเป็นBackdrop ปิดด้วย อิงค์เจ็ทโลโก้บริษัทหรือชื่อผลิตภัณฑ์ อาจมีดอกไม้บ้างเป็น สแตนดอกไม้วาง2ข้างของ Backdrop
Backdrop งานแต่งงาน
Backdrop งานเลี้ยง
8. การ์แลนด์ Garland
การ์แลนด์ Garland ถ้าแปลจากภาษาอังกฤษเป็นไทย ก็หมายถึงพวงมาลัย หรืออีกความหมายหนึ่ง คือวิธีจัดดอกไม้ให้เป็นเส้น เหมือนเถาวัลย์ เพื่อให้เกาะหรือเลื้อย หรือไปพาด วาง กับโครงสร้างต่างๆตามความสวยงาม โดยการจัดวิธีนี้คือ
1.ใช้วิธีมัดดอกไม้หรือใบไม้ มารวมกันเป็นเส้น แต่วิธีนี้เหมาะกับใบไม้หรือดอกไม้กึ่งแห้งหรือทำแห้งได้ เพราะจะไม่มีน้ำให้ดอกไม้กินเลย หรือถ้าใช้ของสด ก็จะใช้ในงานได้ในเวลาสั้นๆ 2-3 ชั่วโมง.
2. ใช้โอเอซิส มามัดด้วยลวดตาข่าย เรียงต่อๆกันเป็นเส้น (คล้ายๆแหนมอิสานค่ะ) แล้วจึงจัดดอกไม้ได้ตามปกติ วิธีนี้จะทำให้ดอกไม้อยู่ได้นานขึ้น เพราะได้กินน้ำจากโอเอซิส
การ์แลนด์ ใช้ตกแต่งโครงสร้างได้ทุกชนิด ดัดแปลงปรับเปลี่ยนได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมาะกับทุกงานที่มีการสร้างโครงสร้างค่ะ เช่นงานอีเว้นท์ Event , งานออกร้าน ตลาดนัด ,บูธ-คีออส โชว์สินค้า, เต้นท์ เป็นต้น.
ทำเส้นโอเอซิส แล้วมาจัดดอกไม้
ดอกไม้ ใบไม้ มัดเป็นเส้น Credit pinterest
9. กอดอกไม้ Clump Flowers
เป็นการจัดดอกไม้แบบหนึ่ง ตอนนี้ก็เป็นที่นิยมในเมืองไทยเรียกการจัดแบบนี้ว่า “กอดอกไม้ “ “กอใบไม้” พูดแบบนี้ ช่างดอกไม้-ร้านดอกไม้ รู้จักทุกคนค่ะ เป็นการจัดดอกไม้บนโอเอซิส ให้เป็นพุ่มๆ เป็นชิ้นๆแยกกัน แล้วนำมาวางให้เป็นกลุ่มๆ สูงต่ำไม่เท่ากัน โดยมากจะวางที่พื้นตามมุมต่างๆของโครงสร้าง ของพื้นที่ใช้จัดนั้นๆ ใช้ได้ในทุกการตกแต่งค่ะ ความสวยงามนี่ต้องดูโปรไฟล์ของช่างคนนั้นหรือร้านนั้นๆ นะคะ เพราะอาจจะเห็นว่าเหมือนเป็นการจัดที่ง่ายๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลยค่ะ.
10. พวงหรีด พวงมาลา Wreath
พวงหรีด คือการจัดดอกไม้บนโครงทรงกลม หรือทรงรี ทำมาจากฟาง-หรือเถาวัลย์ มัดรวมกันเป็นวง คล้ายโดนัท เรียกว่าพวงหรีด พวงหรีดในปัจจุบันมีหลายรูปแบบมาก ในเมืองไทยส่วนใหญ่จะใช้ในงานศพ ราคาก็แตกต่างกันไป
พวงหรีดคริสต์มาส จะมีหรีดอีกแบบหนึ่ง ที่ใช้ติดที่ประตูบ้าน ในเทศกาลคริสต์มาส ก็เรียก หรีด เหมือนกัน แต่หรีดที่ติดหน้าประตูจะมีขนาดเล็กกว่าและมีน้ำหนักเบากว่าหรีดที่ใช้ในงานศพ หากท่านต้องการใช้ก็ต้องแจ้งวัตถุประสงค์กับทางร้านไป ร้านก็จะจัดให้ได้ค่ะ
พวงมาลา คือหรีดในอีกชื่อหนึ่ง แต่ใช้ในการวางหน้าอนุสาวรีย์ ของบุคคลสำคัญๆต่างๆ วิธีจัดเหมือนกับพวงหรีด ป้ายชื่อจะเป็นชื่อของหน่วยงานนั้นๆ อาจมีราคาแพงกว่า เพราะอาจต้องใช้ดอกไม้มากกว่า แต่ก็ไม่เสมอไปค่ะ ท่านสามารถกำหนดงบประมาณได้.
พวงหรีด คริสต์มาส Credit pinterest
พวงหรีด Credit Wintagecafe1990
เอาล่ะค่ะ บทสรุปส่งท้ายของบทความนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่ได้อ่าน เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์ของข้าพเจ้าเอง อาจจะลงรายละเอียดไม่มากพอ แต่ก็เป็นข้อมูลให้กับท่านที่จะจัดงาน นำไปใช้สื่อสารกับร้านหรือช่างดอกไม้ ได้นะคะ.
ขอบคุณค่ะ
LexJune 0817558997
* แชร์ได้ค่ะ แต่ห้ามก๊อปปี้ ไปทำซ้ำ *
**ภาพในบทความ บางส่วนมาจาก เว็บไซต์ Pinterest นอกเหนือจากนั้นเป็นงานของผู้เขียนเอง